หน้าแรก บทความน่าสนใจ เคล็ดลับปลูกฟักทองให้ลูกดก ผลใหญ่ เนื้อแน่น ทำตามนี้ได้ผลผลิตงาม

เคล็ดลับปลูกฟักทองให้ลูกดก ผลใหญ่ เนื้อแน่น ทำตามนี้ได้ผลผลิตงาม

หน้าแรก บทความน่าสนใจ เคล็ดลับปลูกฟักทองให้ลูกดก ผลใหญ่ เนื้อแน่น ทำตามนี้ได้ผลผลิตงาม
ปลูกฟักทอง)

การปลูกฟักทองให้ได้ผลผลิตสูง ผลใหญ่ เนื้อแน่น และจำหน่ายได้ราคาดีเป็นเป้าหมายสำคัญของเกษตรกรเลยก็ว่าได้ แม้จะดูเป็นเรื่องท้าทาย แต่หากมีความเข้าใจในหลักการและเทคนิคที่ถูกต้อง การสร้างผลผลิตคุณภาพก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป บทความนี้ ไทเกอร์โดรนจะมาเปิดเคล็ดลับการปลูกฟักทองฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ การดูแลอย่างมืออาชีพ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้การทำไร่ฟักทองประสบความสำเร็จและสร้างรายได้ที่น่าพอใจ

ฟักทองพันธุ์ไหนยอดนิยมในไทย

การเลือกสายพันธุ์ฟักทองเป็นก้าวแรกที่กำหนดทิศทางความสำเร็จ การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และตรงตามความต้องการของตลาด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรได้อย่างมาก ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีสายพันธุ์ฟักทองที่ได้รับความนิยมปลูกอยู่หลายชนิดด้วยกัน และแต่ละพันธุ์ก็มีลักษณะเด่นและข้อดีแตกต่างกันไป ดังนี้

  • ฟักทองคางคก

ฟักทองคางคก เป็นพันธุ์พื้นบ้านที่เกษตรกรและผู้บริโภคคุ้นเคยกันดี จุดเด่นคือผิวเปลือกที่หนาและขรุขระคล้ายหนังคางคก ทำให้ทนทานต่อการขนส่งและเก็บรักษาได้นาน เนื้อด้านในมีสีเหลืองเข้ม เนื้อแน่น ไม่เละง่าย มีรสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์

ด้วยคุณสมบัตินี้จึงทำให้ฟักทองคางคกเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะสำหรับนำไปทำอาหารไทยและขนมหวานที่ต้องการเนื้อฟักทองที่ไม่แฉะ เช่น สังขยาฟักทอง หรือแกงต่าง ๆ การเลือกปลูกพันธุ์นี้จึงตอบโจทย์ตลาดในวงกว้างได้เป็นอย่างดี

  • ฟักทองศรีเมือง

ฟักทองศรีเมือง จัดเป็นพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ปลูกง่ายและเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศของไทย มีลักษณะเด่นคือผิวเปลือกเรียบ สีเขียวเข้มสลับลาย ทรงผลแป้นสวยงาม

ข้อดีที่สำคัญของพันธุ์ศรีเมืองคือโตไว ให้ผลผลิตสูง และปรับตัวเข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศได้หลากหลาย จึงเหมาะสำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการปลูกพืชหมุนเวียนที่ให้ผลตอบแทนเร็ว เนื้อด้านในมีสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานกำลังดี สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการปลูกเชิงพาณิชย์

  • ฟักทองญี่ปุ่น

ฟักทองญี่ปุ่น เป็นสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในตลาดเพื่อสุขภาพและร้านอาหารสมัยใหม่ มีลักษณะเด่นคือผลขนาดเล็กกะทัดรัด เปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อด้านในเหนียวหนึบและมีรสชาติหวานจัดเป็นพิเศษ เมื่อปรุงสุกแล้วเนื้อจะไม่เละ แต่จะคงความเหนียวแน่น ทำให้เหมาะสำหรับเมนูอย่างซุปฟักทอง สลัด หรือนำไปนึ่งทานเล่น

แม้ฟักทองญี่ปุ่นจะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถขายได้ในราคาสูงกว่าฟักทองพันธุ์อื่น การปลูกฟักทองญี่ปุ่นจึงตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการผลผลิตคุณภาพพรีเมียม

  • ฟักทองบัตเตอร์นัท

ฟักทองบัตเตอร์นัทเป็นฟักทองสายพันธุ์ต่างประเทศที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์คล้ายถั่วลิสงขนาดใหญ่ เปลือกบางแต่เหนียว มีสีครีมอ่อน เนื้อด้านในเป็นสีส้มสดใส เนียนละเอียด ไม่มีเสี้ยน และมีโพรงเมล็ดอยู่แค่ส่วนปลายสุด ทำให้ได้เนื้อเยอะเป็นพิเศษ

จุดเด่นที่สุดคือ รสชาติที่หวานหอมคล้ายเนยผสมถั่ว เมื่อนำไปปรุงอาหารจะให้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มดุจครีม จึงนิยมนำไปทำซุป สตู หรืออบทานอย่างแพร่หลายในอาหารตะวันตก เป็นพันธุ์ทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการเจาะตลาดร้านอาหาร โรงแรม หรือผู้บริโภคยุคใหม่

วิธีเลือกพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพอากาศ พื้นที่ และการปลูกขาย

การตัดสินใจเลือกพันธุ์ฟักทองควรพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  • ความต้องการของตลาดในพื้นที่

หากเน้นขายในตลาดท้องถิ่น ฟักทองคางคกหรือศรีเมืองอาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แต่หากต้องการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มหรือร้านอาหาร ฟักทองญี่ปุ่นและบัตเตอร์นัทจะสร้างมูลค่าได้สูงกว่า

  • สภาพอากาศและพื้นที่

หากมีพื้นที่จำกัดและต้องการผลผลิตเร็ว พันธุ์ศรีเมืองที่โตไวอาจเหมาะสม

  • ความทนทานต่อโรคและแมลง

โดยพันธุ์พื้นบ้านอย่างฟักทองคางคกมักจะมีความทนทานมากกว่า

ทั้งนี้ การวางแผนที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรในการปลูกฟักทองขายได้มากขึ้น

วิธีเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์คุณภาพ

คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ คือจุดเริ่มต้นของการปลูกฟักทองให้ได้กำไร ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านจำหน่ายปัจจัยการเกษตรที่มีชื่อเสียง บริษัทเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรของภาครัฐ

จากนั้นให้สังเกตลักษณะทางกายภาพของเมล็ดพันธุ์ ควรเลือกเมล็ดที่สมบูรณ์ เต็ม ไม่ลีบแบนหรือแตกหัก ไม่มีร่องรอยของเชื้อราหรือการทำลายของแมลง สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบวันหมดอายุที่ระบุบนซองบรรจุภัณฑ์ ไม่ควรใช้เมล็ดพันธุ์เก่าเพราะมีอัตราการงอกต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจำนวนต้นกล้าและผลผลิตโดยตรง

9 เคล็ดลับปลูกฟักทอง ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ คุณภาพดี

วิธีปลูกฟักทองคางคก

เมื่อเลือกสายพันธุ์และเมล็ดพันธุ์คุณภาพได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ กระบวนการปลูกและดูแลอย่างใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ได้ผลผลิตสูงตามเป้าหมาย การปฏิบัติตามเคล็ดลับที่ไทเกอร์โดรนนำมาฝากอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การปลูกฟักทองมีประสิทธิภาพดีกว่าที่เคยได้

1. เตรียมดิน ดินแบบไหนที่ฟักทองชอบ

ฟักทองเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำและอากาศดีเยี่ยม ก่อนปลูกควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร เพื่อกำจัดวัชพืชและทำให้ดินร่วนซุย จากนั้นตากดินทิ้งไว้ 7-10 วันเพื่อฆ่าเชื้อโรค ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 6.0-6.8 ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างดินด้วยการเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายสมบูรณ์ จะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและธาตุอาหาร ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์พร้อมสำหรับการปลูกฟักทองให้ได้ผลผลิตดี

2. เลือกพื้นที่ปลูกให้รับแสงแดดได้เต็มที่

แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและการสร้างผลผลิตของฟักทอง ควรเลือกพื้นที่เพาะปลูกที่เป็นที่โล่งและสามารถรับแสงแดดได้เต็มที่อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง แสงแดดที่เพียงพอจะช่วยให้ต้นฟักทองสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลำต้นและเถาแข็งแรง ใบเขียวสมบูรณ์ และที่สำคัญคือกระตุ้นการออกดอกและติดผลให้ดียิ่งขึ้น หากปลูกในพื้นที่ร่มหรือได้รับแสงแดดน้อยเกินไป ต้นจะอ่อนแอ เถาจะยืดยาว และให้ผลผลิตน้อยกว่าที่ควร

3. หยอดเมล็ดถูกวิธี หรือย้ายกล้าอย่างเบามือ

สำหรับการปลูกแบบหยอดเมล็ดโดยตรง ให้ขุดหลุมลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ดต่อหลุม แล้วกลบดินเบา ๆ เมื่อต้นกล้างอกและมีใบจริง 2-3 ใบ ให้คัดเลือกต้นที่แข็งแรงที่สุดไว้ 1-2 ต้นต่อหลุม หากเป็นการเพาะกล้าก่อนย้ายปลูก ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากระบบรากของฟักทองบอบบางมาก ควรรอให้ต้นกล้ามีใบจริง 3-4 ใบก่อนย้าย และพยายามอย่าให้ดินในถาดเพาะแตกออกจากราก เพื่อลดการกระทบกระเทือนให้น้อยที่สุด

4. ให้น้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะ

ฟักทองเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงหลังย้ายกล้า, ช่วงออกดอก และช่วงพัฒนาผล แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบสภาพที่น้ำขังหรือดินแฉะเกินไป เพราะอาจทำให้รากเน่าและเกิดโรคได้ง่าย วิธีการให้น้ำที่ดีคือการปล่อยน้ำตามร่องแปลงหรือใช้ระบบน้ำหยด เพื่อให้ดินชุ่มชื้นลึกลงไปถึงราก และควรรดน้ำที่โคนต้น หลีกเลี่ยงการรดให้เปียกใบ เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคราน้ำค้าง การให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ฟักทองติดผลดกและมีคุณภาพ

5. บำรุงด้วยปุ๋ยถูกจังหวะ

การให้ปุ๋ยอย่างถูกจังหวะเวลาเป็นเคล็ดลับสำคัญในการปลูกฟักทองให้ได้ผลใหญ่เนื้อแน่น แบ่งการให้ปุ๋ยเป็น 3 ระยะหลัก ระยะแรกคือการใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก เช่น สูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงการเติบโตของรากและลำต้นในช่วงแรก ระยะที่สองคือช่วงที่เถาเริ่มเลื้อย (ประมาณ 20-25 วันหลังปลูก) ควรเน้นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงเพื่อบำรุงเถาและใบ และระยะสุดท้ายคือช่วงเริ่มติดผล ให้เปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยสูตรที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น 13-13-21 เพื่อช่วยบำรุงผลให้มีขนาดใหญ่ หวาน และเนื้อแน่น

6. ช่วยผสมเกสร เพิ่มโอกาสติดผลดก

ในธรรมชาติ การผสมเกสรจะอาศัยแมลงเช่นผึ้งเป็นหลัก แต่หากมีแมลงน้อยหรือในช่วงที่ฝนตกชุก การช่วยผสมเกสรด้วยมือจะเพิ่มอัตราการติดผลได้อย่างมหาศาล สังเกตดอกตัวเมียซึ่งจะมีกระเปาะลูกฟักทองเล็กๆ ที่โคนดอก จากนั้นเด็ดดอกตัวผู้ที่บานในวันเดียวกันมา แล้วป้ายละอองเกสรตัวผู้ลงบนยอดเกสรของดอกตัวเมียอย่างเบามือ ควรทำในช่วงเช้าที่ดอกบานเต็มที่ วิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าฟักทองของคุณจะติดผลดกตามที่ต้องการ

7. จัดเถาให้โปร่ง ควบคุมจำนวนผล

เมื่อฟักทองเริ่มเลื้อย ควรจัดระเบียบเถาให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและไม่หนาแน่นจนเกินไป เพื่อให้ทุกส่วนของต้นได้รับแสงแดดและอากาศถ่ายเทได้ดี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเชื้อรา นอกจากนี้ หากต้องการปลูกฟักทองให้ได้ผลใหญ่เป็นพิเศษ ให้ใช้เทคนิคการไว้ผล โดยเลือกผลฟักทองที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 1-2 ผลต่อเถา แล้วเด็ดผลอื่นที่เหลือทิ้งไป วิธีนี้จะทำให้ต้นส่งสารอาหารทั้งหมดไปเลี้ยงผลที่เลือกไว้ ทำให้ได้ฟักทองผลใหญ่และมีคุณภาพสูงสุด

8. สังเกตและป้องกันโรคแมลงศัตรูพืช

การหมั่นสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด ศัตรูพืชสำคัญของฟักทอง ได้แก่ เต่าแตงแดง เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะผล ส่วนโรคที่พบบ่อยคือโรคราน้ำค้างและโรคเหี่ยว หากพบการระบาดในระยะเริ่มต้นอาจใช้วิธีทางชีวภาพ เช่น การใช้สารสกัดสะเดา หรือเก็บแมลงและส่วนที่เป็นโรคไปทำลายทิ้ง แต่หากระบาดรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้สารเคมีตามคำแนะนำอย่างถูกวิธี โดยเว้นระยะการเก็บเกี่ยวให้ปลอดภัย การดูแลแปลงให้โปร่งและกำจัดวัชพืชจะช่วยลดการสะสมของโรคและแมลงได้

9. เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม

การเก็บเกี่ยวฟักทองในระยะที่แก่พอดีจะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด ทั้งในแง่รสชาติและความสามารถในการเก็บรักษา สัญญาณที่บ่งบอกว่าฟักทองพร้อมเก็บเกี่ยวแล้วคือ 1. ขั้วผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้ง 2. ผิวเปลือกแข็งและมีสีเข้มสม่ำเสมอตามพันธุ์ ไม่สามารถใช้เล็บจิกเข้า 3. เมื่อเคาะดูจะมีเสียงทึบแน่น ควรใช้มีดหรือกรรไกรคมๆ ตัดที่ขั้วผล โดยให้เหลือขั้วติดไว้กับผลยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร เพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ผล

ฟักทองมีประโยชน์อะไรบ้าง ทำไมถึงน่าปลูก

ประโยชน์ของฟักทอง

ฟักทองไม่ได้เป็นเพียงพืชที่ปลูกง่ายเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นพืชที่น่าลงทุนปลูกอย่างยิ่ง

  • แหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นยอด เนื้อสีเหลืองส้มของฟักทองอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  • ใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี รู้สึกอิ่มนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ใช้ได้ทั้งเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่ม ทำให้เป็นวัตถุดิบที่ตลาดต้องการเสมอ
  • เก็บรักษาได้นาน เปลือกที่หนาทำให้ฟักทองสามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน เป็นการเพิ่มโอกาสในการระบายสินค้าให้กับเกษตรกร

ไทเกอร์โดรน เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ทำฟาร์มฟักทองง่าย คุณภาพดี

การปลูกฟักทองในพื้นที่ขนาดใหญ่จำเป็นต้องอาศัยการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการให้น้ำ ใส่ปุ๋ย และการป้องกันกำจัดศัตรูพืช ซึ่งล้วนเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งแรงงานจำนวนมากและเวลามหาศาล ไทเกอร์โดรนจึงขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยให้การดูแลแปลงฟักทองเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับการเกษตรอย่างเหมาะสม

โดรนการเกษตรจากไทเกอร์โดรน สามารถพ่นปุ๋ยน้ำ สารอาหารเสริม และเป็นโดรนพ่นยาหรือสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้อย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมทั่วทั้งแปลงภายในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดเวลา ลดแรงงาน ลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง และลดการสูญเปล่าของปัจจัยการผลิต

สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกฟักทอง การใช้โดรนเกษตรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างชัดเจน ทั้งความสะดวก ความรวดเร็ว และการควบคุมต้นทุน อาทิ
– พ่นได้ทันช่วงเวลาที่พืชต้องการ ไม่ต้องรอแรงงาน
– ควบคุมอัตราการใช้สารเคมีได้แม่นยำ ลดต้นทุนต่อรอบ ไม่ overdose
– เข้าถึงพื้นที่ได้ยาก เช่น แนวปลูกเริ่มทึบขึ้น ในช่วงฟักทองออกผลผลิต
– เพิ่มโอกาสควบคุมโรคแมลงได้ทันก่อนลุกลาม ลดการสูญเสียผลผลิต

ทั้งหมดนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการแปลงฟักทองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็น Smart farm ส่งเสริมให้พืชเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ ให้ผลผลิตคุณภาพสูง และสร้างผลกำไรที่มั่นคงในระยะยาว

สรุปบทความ

ใครที่อยากปลูกฟักทองให้ลูกใหญ่ ๆ เนื้อแน่น ขายได้ราคาดี บทความนี้สรุปเคล็ดลับมาให้ครบถ้วนแล้ว โดยเริ่มจากการเลือกพันธุ์ให้ถูกใจตลาด เช่น ถ้าจะขายทั่วไปก็เลือก ‘ฟักทองคางคก’ แต่ถ้าอยากได้ราคาสูงก็เลือก ‘ฟักทองญี่ปุ่น’ จากนั้นก็ลงมือดูแลตามขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่การเตรียมดินดี ๆ การให้ปุ๋ยให้น้ำถูกจังหวะ ไปจนถึงเทคนิคช่วยผสมเกสรและตัดแต่งเถาเพื่อให้ต้นส่งสารอาหารไปเลี้ยงลูกฟักทองได้เต็มที่ รับรองว่าทำตามนี้จะได้ผลผลิตคุณภาพดีไปขายแน่นอน

แต่การจะดูแลไร่ฟักทองใหญ่ ๆ ให้ทั่วถึงทุกขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งเหนื่อยและใช้เวลาเยอะมาก นี่คือเหตุผลที่ โดรนการเกษตรจากไทเกอร์โดรน ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนเก่งของเกษตรกรยุคใหม่ ช่วยจัดการดูแลผลผลิตในไร่กว้าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือเกษตรกรประหยัดได้ทั้งเงินและแรง แและได้ฟักทองผลใหญ่คุณภาพดีเต็มไร่ พร้อมสร้างกำไรได้มากกว่าที่เคย

Share

สาธิตการบินฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่าย

อยากลองว่าโดรนรุ่นนี้เหมาะกับ ตัวเองไหม? เราสาธิตให้ดูได้ไม่มีค่าใช้จ่าย

สาธิตการบินฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่าย

อยากลองว่าโดรนรุ่นนี้เหมาะกับ ตัวเองไหม? เราสาธิตให้ดูได้ไม่มีค่าใช้จ่าย

ข่าวสารแนะนำ

อะไหล่โดรนเกษตร

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเกษตรกรหลายคนจึงหันมาปลูกผักกาดขาว

วิธีปลูกข้าวโพดให้โตไว เมล็ดเต็มฝัก ขายได้กำไรดี

การปลูกข้าวโพดให้ได้ผลผลิตสูง ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม และจำหน่ายได้ราคาดีนั้นเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องการ  บทความนี้ไทเกอร์โดรนจึงจะนำเสนอแนวทางและเทคนิคต่าง ๆ

เกษตรแม่นยำคืออะไร? เทคโนโลยีปฏิวัติการเกษตรไทยยุคใหม่

เกษตรแม่นยำ คือ การทำเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยอย่างโดรน เซนเซอร์ และGPS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนยกระดับเกษตรกรรมไทยให้ก้าวหน้า