การทำเกษตรในบ้านเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เคยต้องลงแรงลงใจ สู้ฟ้าฝนกันเต็มกำลัง ก็เริ่มมีเทคโนโลยีการเกษตรใหม่ ๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยให้การทำงานในไร่ในสวนสะดวกสบายและได้ผลผลิตที่ดีขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ “โดรนการเกษตร” ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรือเห็นบินฉีดพ่นในแปลงข้าง ๆ กันมาบ้างแล้ว แต่รู้ไหมว่า โดรนเกษตรที่เราเห็น ๆ กันนั้นมีกี่แบบ และแต่ละประเภทของโดรนนั้นถูกออกแบบมาเพื่องานแบบไหนบ้าง วันนี้ไทเกอร์โดรนจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักให้มากขึ้น เพื่อให้เลือกใช้ได้ตรงกับงานเกษตรของเราจริง ๆ
ทำไมเกษตรกรยุคใหม่ ควรใช้โดรนเกษตร?
พี่น้องเกษตรกรหลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับการทำเกษตรแบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการพ่นยา หว่านปุ๋ย หรือเดินสำรวจแปลง แต่ในปัจจุบันที่ทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แรงงานก็หายากขึ้น ค่าจ้างก็แพงขึ้น การนำเทคโนโลยีอย่างโดรนการเกษตรเข้ามาปรับใช้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะโดรนเกษตรช่วยให้เราทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า ลดการใช้สารเคมีที่ไม่จำเป็นจากการฉีดพ่นที่แม่นยำตรงจุด แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง ทำให้สุขภาพของเกษตรกรดีขึ้น ที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพ นับเป็นการยกระดับการทำเกษตรสู่ Smart Farm เกษตรอัจฉริยะที่เกษตรกรยุคใหม่ไม่ควรมองข้ามเลย
ประเภทของโดรนตามการใช้งาน มีอะไรบ้าง?

เมื่อพูดถึงโดรนที่ใช้ในงานเกษตร หลายคนอาจจะนึกถึงภาพโดรนบินพ่นน้ำยาเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้ว ประเภทของโดรนที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยงานเกษตรนั้นมีหลากหลายตามวัตถุประสงค์การใช้งาน การเลือกใช้โดรนให้ถูกประเภทจะช่วยให้งานของเรามีประสิทธิภาพสูงสุด มาดูกันว่าหลัก ๆ แล้วมีแบบไหนบ้าง
1. โดรนฉีดพ่น (Spraying Drone)
โดรนประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย ใช้สำหรับฉีดพ่นของเหลว เช่น ปุ๋ยน้ำ ฮอร์โมน ยาป้องกันศัตรูพืช และสารกำจัดวัชพืช ด้วยระบบอัตโนมัติที่ควบคุมจากระยะไกล และระบบควบคุมอัตราการฉีดพ่นที่แม่นยำ ช่วยให้ฉีดพ่นสารเคมีได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัย ลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานกลางแจ้ง และความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง
เหมาะสำหรับพืชไร่ นาข้าว สวนผลไม้ และพืชผักต่าง ๆ ช่วยให้เกษตรกรดูแลแปลงได้สะดวก ประหยัดเวลา และลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. โดรนหว่าน (Spreading Drone)
นอกจากการฉีดพ่นของเหลวแล้ว ยังมีโดรนที่ออกแบบมาสำหรับหว่านวัสดุที่เป็นของแข็งโดยเฉพาะ เช่น ปุ๋ยเม็ด เมล็ดพันธุ์ หรือสารปรับปรุงดิน ซึ่งบรรจุในถังพร้อมระบบหว่านอัตโนมัติ ช่วยให้หว่านได้อย่างสม่ำเสมอ รวดเร็ว และแม่นยำ ลดภาระการแบกหามและการเดินหว่านด้วยมือที่อาจไม่ทั่วถึง
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแปลงนา หรือพื้นที่เกษตรที่ต้องการความรวดเร็วในการเตรียมดินหรือใส่ปุ๋ย ช่วยประหยัดแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการแปลงได้อย่างชัดเจน
3. โดรนสำรวจและตรวจสอบ (Survey and Inspection Drone)
อีกหนึ่งประเภทของโดรนที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ โดรนสำหรับบินสำรวจและตรวจสอบสภาพแปลงเกษตร โดรนประเภทนี้มักจะติดตั้งกล้องความละเอียดสูง หรือกล้องพิเศษ เช่น กล้องมัลติสเปกตรัม เพื่อบินเก็บภาพถ่ายทางอากาศของพื้นที่เพาะปลูก
ข้อมูลภาพถ่ายเหล่านี้สามารถนำมาใช้วิเคราะห์การเจริญเติบโตของพืช ประเมินสุขภาพของพืช ตรวจหาการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช หรือแม้กระทั่งความชื้นในดิน ทำให้เกษตรกรเห็นภาพรวมของทั้งแปลงได้อย่างชัดเจน ช่วยในการตัดสินใจวางแผนการจัดการไร่สวนได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที โดยเฉพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
เทคโนโลยีของโดรนเพื่อการเกษตร มีอะไรบ้าง?

เบื้องหลังความสามารถอันหลากหลายของประเภทของโดรนต่าง ๆ นั้น ก็คือเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โดรนทำงานได้อย่างชาญฉลาดและตอบโจทย์การใช้งานจริงในไร่ของพี่น้องเกษตรกร
- ระบบนำทางด้วย GPS ที่แม่นยำ (GPS RTK/PPK)
เทคโนโลยี GPS ช่วยให้โดรนสามารถระบุตำแหน่งพิกัดได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวัดขนาดพื้นที่ การคำนวณปริมาณการฉีดพ่นทำได้แม่นยำและน่าเชื่อถือ - ระบบวางแผนเส้นทางการบินอัตโนมัติ (Automated Flight Path)
สร้างแผนที่และเส้นทางการบินผ่านแอปพลิเคชัน เพียงระบุรูปร่างของแปลง ระบบจะคำนวณเส้นทางให้ครอบคลุมทั่วทั้งแปลงแบบไม่ทับซ้อน ประหยัดเวลาและน้ำยา พร้อมลดข้อผิดพลาดจากการฉีดพ่นซ้ำ - ระบบควบคุมการฉีดพ่นแม่นยำ (Precision Spraying)
โดรนสามารถควบคุมอัตราการไหลของน้ำยาได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ในระหว่างการบินที่ความเร็วต่างกัน ช่วยให้การพ่นมีความแม่นยำ ปริมาณน้ำยาไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ลดต้นทุนจากการใช้สารเคมีโดยไม่จำเป็น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคและศัตรูพืช - ระบบบินรักษาระดับตามภูมิประเทศ (Terrain Following)
ในพื้นที่ที่มีความสูงไม่สม่ำเสมอ เช่น แปลงขั้นบันไดหรือพื้นที่เนินเขา ระบบนี้ช่วยให้โดรนสามารถปรับระดับบินให้ลอยอยู่เหนือพืชในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ฉีดพ่นได้ทั่วถึง ไม่ว่าจะอยู่บนเนินหรือลาดชัน - ระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวาง (Obstacle Detection System)
ด้วยเซนเซอร์รอบตัว โดรนสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ เสาไฟ หรือคนที่อยู่ในแปลง หยุดเพื่อเว้นระยะจากสิ่งกีดขวาง ลดความเสี่ยงที่โดรนจะชนตกเสียหาย
ช่วยให้การบินมีความปลอดภัยมากขึ้น - ระบบหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติ (Fail-safe System)
หากเจอปัญหาอย่างแบตเตอรี่ใกล้หมด หรือน้ำยาหมด ระบบจะหยุดทำงานและแจ้งเตือนทันที ลดความเสียหายทั้งต่อเครื่องและแปลงเกษตร - การควบคุมจากระยะไกล (Remote controlling)
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและติดตามการทำงานของโดรนได้จากทางไกล ในที่ร่ม แทนการทำงานตากแดดกลางแจ้ง ช่วยลดความเหนื่อยล้า ประหยัดแรง ทำให้งานในไร่เบาลง แต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น - ระบบบันทึกข้อมูลการทำงาน (Log System)
เก็บประวัติการบิน พื้นที่ที่พ่น และปริมาณน้ำยาที่ใช้ ช่วยให้วางแผนรอบถัดไปได้แม่นยำ ไม่พ่นซ้ำซ้อน และติดตามประสิทธิภาพของการจัดการแปลงได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีและข้อจำกัดของโดรนเพื่อการเกษตร
การนำโดรนเกษตรมาใช้งานมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีบางประเด็นที่เกษตรกรควรทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ข้อดีของโดรนเพื่อการเกษตร
- ทำงานเร็วกว่าแรงงานคนหลายเท่า ลดเวลาทำงานในไร่และลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน
- ควบคุมปริมาณการฉีดพ่น/หว่านได้แม่นยำ ลดการสิ้นเปลืองสารเคมีและปุ๋ย
- ดูแลพืชผลได้ทั่วถึงและทันเวลา ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพ
- ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เกษตรกรไม่ต้องสัมผัสสารเคมีโดยตรง
- เข้าถึงพื้นที่ยากลำบาก ทำงานได้ดีในพื้นที่ลาดชัน พื้นที่ชื้นแฉะ หรือแปลงขนาดใหญ่
- มีหลากหลายรุ่นให้เลือก ตามลักษณะการใช้งาน ขนาดพื้นที่ ชนิดพืช
ข้อจำกัดของโดรนเพื่อการเกษตร
- การลงทุนซื้อโดรนอาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงสำหรับเกษตรกรบางราย
- ผู้ใช้จำเป็นต้องศึกษาวิธีการใช้โดรนพ่นยา หว่านปุ๋ย รวมถึงวิธีบำรุงรักษาโดรนด้วย
- ระยะเวลาการบินต่อแบตเตอรี่หนึ่งก้อนมีจำกัด อาจต้องมีการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยครั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่
- โดรนแต่ละรุ่นสามารถบรรทุกน้ำยา หรือปุ๋ยได้ในปริมาณจำกัด
- ลมแรง หรือฝนตกหนักอาจเป็นอุปสรรคต่อการบินโดรนได้
ไทเกอร์โดรน ผู้ช่วยตัวจริงของเกษตรกรไทย
จะเห็นได้ว่าโดรนเพื่อการเกษตรมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละรุ่นก็ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับงานที่ต่างกันไป การเลือกใช้ให้ตรงกับขนาดพื้นที่ ชนิดของพืช และลักษณะงานของแต่ละไร่จึงสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด
ที่ไทเกอร์โดรน เราเข้าใจชีวิตจริงของเกษตรกรไทย จึงมุ่งพัฒนาโดรนที่ไม่ใช่แค่ล้ำสมัย แต่ต้องใช้งานง่าย ทนทาน เหมาะกับไร่นาไทย และที่สำคัญคือมีทีมงานที่ “อยู่จริง ดูแลจริง” คอยให้คำแนะนำและบริการหลังการขายอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าพี่น้องจะมองหาโดรนฉีดพ่น หว่านปุ๋ย หรือแค่อยากเริ่มต้นเรียนรู้ เราพร้อมเป็นผู้ช่วยประจำไร่ ที่เดินไปด้วยกันในทุกฤดู
